นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโตโยต้ายาริส รุ่นเจ เกียร์ธรรมดา ราคาเริ่มต้นที่ 524,000 บาท ส่วนเกียร์อัตโนมัติต้องเพิ่มเงินอีกประมาณคันละ 35,000 บาท พร้อมกันนี้ได้จัดรายการส่งเสริมการขาย และกิจกรรมทางการตลาด ภายใต้แนวคิด "ยาริส มี" เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นในรถยนต์รุ่นดังกล่าว โดยตั้งเป้าหมายของโตโยต้ายาริสไว้หลังเปิดตัวในครั้งนี้ จากเดิมที่มียอดขายที่เดือนละ 800-900 คัน เพิ่มเป็นเดือนละ 1,200 คัน หรือคิดเป็น 15% ของยอดขายรถเก๋งที่เฉลี่ยเดือนละ 8,000 คัน
สำหรับแนวคิด "ยาริส มี" นั้น ถือเป็นกลยุทธ์ในการสื่อสารการตลาด ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาด ที่สะท้อนถึงความโดดเด่นเป็นพิเศษของยาริส เริ่มจากทางด้านผลิตภัณฑ์ที่มี Yaris Customized Seat เบาะนั่งลายแฟชั่นใหม่เฉพาะยาริส โดยปีนี้จะมีการนำเสนอลายกราฟิกเบาะนั่งใหม่ๆ มากถึง 10 แบบ พร้อมทั้งมีแผนในการนำเสนอดีไซน์ใหม่เพิ่มเติมอีก 10 แบบ ทุกๆ 4 เดือน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบแฟชั่นที่หลากหลาย โดยลูกค้าสามารถคลิกเข้าสู่คอมมิวนิตี้ของยาริสได้ที่
www.yarisme.com
พร้อมกันนี้ทางโตโยต้ายังได้เตรียมแนะนำยาริสรุ่นพิเศษซึ่งแต่งแบบสปอร์ตในรุ่น Yaris TRD Sportivo ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนช่วงล่างใหม่จาก TRD ล้อแมกซ์อัลลอยลายสปอร์ต 16 นิ้ว ชุดแต่งรอบคัน ซึ่งสวยงามและให้ความเป็นสปอร์ตอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์นี้
นายวุฒิกรกล่าวว่า โตโยต้านำคนรุ่นใหม่ที่มีบุคลิกโดดเด่นและมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็น brand endorser เพื่อสื่อสารถึงความโดดเด่นของยาริส 5 รูปแบบ คือ fun หรือความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา sporty หรือความกระฉับกระเฉง แข็งแรง modern หรือความทันสมัย โดดเด่น feminine หรือความอ่อนหวาน และ stylish หรือความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่ง brand endorser จะสามารถถ่ายทอดบุคลิกและเรื่องราวของยาริสตลอดปีด้วย
"ปีนี้เราจะมีการทำตลาดด้วยการออกแคมเปญต่างๆ ตั้งแต่ต้นปีนั้น เนื่องจากเป็นช่วงที่โตโยต้ามีรถใหม่ๆ ออกสู่ตลาด จึงมีการส่งเสริมการขาย ซึ่งตรงนี้ไม่ได้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจว่าตลาดจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ทำเป็นไปตามแผนเดิมของบริษัทที่ได้วางไว้อยู่แล้ว"นายวุฒิกรกล่าว และว่า
หลังจากนี้บริษัทได้มีการปรับราคารถยนต์นั่งรุ่นคัมรี่, อัลติส, ยาริส และวีออส ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่สามารถเติมน้ำมันอี 20 ได้ ส่งผลให้ราคาลดลงเฉลี่ยคันละประมาณ 30,000-90,000 บาท และทั้งปีนี้ได้ประมาณการยอดขายไว้ที่ 310,000 คัน เชื่อว่าตลาดยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะช่วงปีที่ผ่านมาลูกค้าได้รอรถยนต์กลุ่มที่เติมน้ำมันอี 20 ซึ่งราคารถถูกลงอีก 5%
ส่วนตลาดรถยนต์โดยรวมคาดว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 700,000 คัน แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาการเมืองยังไม่นิ่ง ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดในช่วงสั้นๆ เท่านั้น ส่วนลูกค้าที่ต้องการใช้รถยังคงซื้อ ไม่ได้ชะลอการซื้อลงไป
ที่มาประชาชาติธุรกิจ |